บทที่ 1 ความหมายและวิวัฒนาการระบบปฏิบัติการ
คอมพิวเตอร์ยุคแรก ๆ ก็ยังมีปัญหาเช่นเดียวกับเครื่องคำนวณคือผู้ประดิษฐ์เครื่องเท่านั้นที่จะเขียน
โปรแกรมควบคุมมันได้ ทั้งนี้เพราะการทำโปรแกรมต้องอาศัยความเข้าใจในการสั่งทำงานทุกขั้นตอน
ของเครื่องและต้องใช้คำสั่งที่เป็นภาษาเครื่อง (machine language)เท่านั้นจากความยุ่งยากในการ
ใช้ภาษาเครื่องจึงมีผู้คิดคำสั่งซึ่งแต่ละคำสั่งค่อนข้างที่จะสื่อความหมายในตัวเอง ทำให้เขียน ตรวจ
สอบ และแก้ไขโปรแกรมเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้นเราเรียกชุดคำสั่งนี้ว่าเป็นภาษาแอสแซมบลี้
(assembly language)โดยมีตัวแปรคำสั่งจากภาษาแอสแซมบลี้ไปเป็นภาษาเครื่องซึ่งเรียกว่า
แอสแซมเบลอร ์(assembler)ต่อมามีผู้คิดค้นภาษาที่ผู้ใช้ไม่จำีเป็นต้องทราบโครงสร้างกสรทำงานของ
เครื่อง หรืออาจทราบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ภาษาเหล่านี้เรียกว่าภาษาระดับสูง(high level language)
เช่น ภาษาเบสิก โคบอลเป็นต้นภาษาเหล่านี้ต้องการโปรแกรมที่จะแปลงคำสั่งในภาษาระดับสูงเป็น
ภาษาเครื่องโปรแกรมแปลงคำสั่งเหล่านี้เรียกว่า คอมไพเลอร์และอินเทอร์พรีเตอร์ คำสั่งภาษาเครื่อง
ที่ถูกแปลงมาจากภาษาระดับสูงกว่าเป็นโค้ดของโปรแกรมอย่างไรก็ตามคอมไพเลอร์และอินเทอร์พรี
เตอร์ก็เป็นเพียงแค่เครือ่งมืออย่างหนึ่ง ที่ใช่ให้ผู้ขียนโปรแกรมสามารถสร้างโปรแกรมขึ้นมาใช้งาน
อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ยังมีโปรแกรมอีกอย่างกลุ่มหนึ่งได้ถูกพัฒนาขึ้นมาพร้อมกันๆ
โหลดเดอร์ และแอสแซมเบอร์ประกอบกันเป็นโปรแกรมระบบ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีหน้า
ที่จัดการเกี่ยวกับการทำงานของระบบอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่าย
ขึ้นโดยเฉพาะผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับกลไกการทำงานของเครื่องมากนักก็สามารถใช้วานได้
เมื่อวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และโปรแกรมต่าง ๆ เปลี่ยนไป เราต้องการกลุ่ม
โปรแกรมช่วยทำงานที่มีความสามารถสูงกว่าซิสเต็มซอฟต์แวร์ เช่น ช่วยจัดการแบ่งปันการใช้
อุปกรณ์ หรือทรัพยากรต่างๆในระบบและควบคุมจังหวะการทำงานของโปรแกรมทั้งหลายที่กำลัง
รันอยู่เพื่อมิให้เกิดความผิดพลาดขึ้นเป็นต้น
เนื่องจากระบบปฏิบัติการมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับสถาปัตยกรรมของเครื่องคอมพิวเตอร์
ที่ระบบวิวัฒนาการปฏิบัติการนั้นทำงานอยู่ดังนั้นในการศึกษาวิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการจะศึกษา
จากวิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์